About Us
เกี่ยวกับชมรม


Update: 2016-11-07
Views/Visit: 953

ถึงเพื่อนรัก…เมื่อวันวาน

รู้จักกับอาจารย์สุภรีมานานมากกว่า 45 ปี ตั้งแต่สมัยอยู่โรงเรียนราชินีบน เมื่อเริ่มรู้จักกันนั้น ไม่ได้ถูกกันเลย ทะเลาะกันเสมอๆ ด้วยเรื่องแย่งเพื่อน แย่งกันเป็นตัวเอกในการแสดงละครโรงเรียน แย่งกันเป็นที่หนึ่งในชั้น แต่อาจารย์สุภรีมักจะชนะเกือบจะทุกครั้ง

อาจารย์สุภรี มีลายมือที่สวยงาม คัดไทยได้คะแนนเต็ม เป็นตัวของตัวเอง มีอารมณ์ขัน และมีความเป็นผู้นำตั้งแต่เด็กๆ เป็นหัวหน้าชั้นทั้งๆ ที่อายุน้อยที่สุดในชั้น สมัยก่อนจะมีการเลือกคนที่เป็นหัวหน้าโดยดูจากอายุ ใครอายุมากก็ได้คนนั้น แต่ความที่อาจารย์เป็นผู้นำทุกอย่าง ทั้งการเรียน การเล่น (ทั้งแบบโลดโผนและแบบธรรมดา) จึงทำให้ได้รับเลือกเป็นหัวหน้าชั้นทุกปี

ที่โรงเรียนราชินีบนจะมีสวดมนต์ทุกวันศุกร์ รวมกันหมดทั้งมัธยมต้นและมัธยมปลาย อาจารย์ สุภรีเป็นผู้นำสวดมนต์ทั้งๆ ที่อยู่มัธยมต้น เสียงแจ๋ว ขนาดทุกคนฟังแล้วรู้สึกซาบซึ้งประทับใจ หายง่วงนอน เพราะเสียงแปดหลอดดังมาก ขนาดอยู่ตึกข้างๆ ยังได้ยิน

เมื่อจบชั้นมัธยมหก ได้ลาออกจากโรงเรียนราชินีบน เพื่อไปสอบเข้าโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาเพื่อเรียนชั้นมัธยม7-8 เพื่อนๆ ไปสอบกัน 5 คน ผลปรากฎว่ามีเพื่อนคนหนึ่งสอบไม่ได้ อาจารย์สุภรีรู้สึกเดือดร้อนใจมากกว่าคนอื่นๆ ตามไปหาที่บ้านเพื่อจะปลอบใจ พูดให้คลายกังวล อาจารย์จะทนไม่ได้เลยเมื่อเห็นเพื่อนเดือดร้อน ต้องพยายามอย่างที่สุดที่จะช่วยเหลือ ตอนจบชั้นมัธยม 8 สมัยนั้นมีการเรียงอันดับคะแนนของผู้สอบจบมัธยมปลายทั้งประเทศ ตั้งแต่ลำดับที่ 1 ถึง 50 พอวันประกาศผลสอบ อาจารย์วิ่งมาบอกด้วยความดีใจมากว่าเพื่อนสอบติดอันดับ …. ใน 50 คน แสดงความยินดีอย่างมากกับเพื่อนทั้งๆ ที่ตัวเองก็ติดอันดับเหมือนกันแต่ไม่พูดถึงเลยอาจารย์สุภรีมองคนในแง่ดีอยู่เสมอ เวลามีปัญหาไม่เข้าใจกับเพื่อนคนอื่นๆ แล้วมาเล่าให้อาจารย์ฟัง อาจารย์จะพยายามค้นหาส่วนดีๆ ของเรื่องนั้นหรือคนนั้นออกมาแจกแจงให้เห็น และอธิบายให้หายข้องใจอย่างใจเย็นที่สุด ตั้งแต่คบกันมายังไม่เคยเห็นโกรธใครเลย มีแต่พยายามที่จะเข้าใจและมองคนในมุมมองที่ดีอยู่ตลอดเวลา

วันสอบเข้ามหาวิทยาลัย เพื่อนของเราคนหนึ่งคุณแม่เธอเสียชีวิตในการสอบวันแรก พอวันที่ 2 มีน้ำท่วมต้องเลื่อนสอบออกไป อาจารย์สุภรีวิ่งไปช่วยติวและดูหนังสือกับเพื่อนคนนั้นโดยไม่ได้นึกถึงความลำบากของตนเองเลย

เมื่อเรียนแพทย์เข้าฟังเลคเชอร์ อาจารย์สุภรีจะไม่ค่อยชอบจด ส่วนใหญ่จะตั้งใจฟัง (คุยบ้างเล็กน้อย) ผิดกับข้าพเจ้าซึ่งชอบจด บางครั้งอาจารย์จะมาขอยืมไปอ่าน ปรากฎว่าพอสอบออกมาอาจารย์สุภรีได้คะแนนดีกว่าทุกๆ ครั้งเลย เคยมีอยู่ครั้งหนึ่ง เรียนปฏิบัติการพยาธิวิทยานั่งอยู่ใกล้ๆ กัน อาจารย์อาวุโสท่านหนึ่งได้ตั้งกล้องให้ดูพยาธิสภาพของอวัยวะอะไรก็จำไม่ได้แล้ว ข้าพเจ้าดูอยู่นานแต่ไม่เห็น ขณะที่ดูกล้องนั้นบังเอิญเอามือไปเท้าบนโต๊ะ อาจารย์อาวุโสถามว่ามองเห็นหรือไม่ให้วาดรูปให้อาจารย์ดู ข้าพเจ้าดูเท่าไหร่ก็ไม่เห็น กลัวท่านอาจารย์ก็กลัว อาจารย์สุภรีเห็นเพื่อนอยู่ในทีคับขัน จึงลุกมาจะชี้ให้ดู อาจารย์อาวุโสท่านนั้นบอกว่า “ไม่ต้องมาชี้ให้เหนื่อยหรอกนั่งท้าวแขนอ่อนหยัดอย่างนี้จ้างให้ก็มองไม่เห็น” แล้วท่านอาจารย์ก็หันหลังเดินกลับไป อาจารย์สุภรีค่อยๆ แอบเข้ามาอธิบายจนข้าพเจ้ามองเห็นและวาดรูปออกมาได้ โล่งอกไปในที่สุด

เมื่อเราต่างคนต่างมีครอบครัว เวลาลูกเจ็บป่วย อาจารย์สุภรีดูแลรักษาลูกๆให้ทุกคน ไม่ว่าจะเป็นเวลาค่ำคืนดึกดื่นขนาดไหน พอโทรศัพท์ไปก็จะรับสายให้คำปรึกษาทันที

อาจารย์สุภรีได้พยายามชักชวนให้ไปปฏิบัติธรรม เมื่อมีโอกาสที่ท่านอาจารย์ที่เก่งในด้านนี้มาบรรยายที่โรงพยาบาล อาจารย์จะโทรศัพท์มาบอกให้ไปฟังท่านพูด เพื่อนติดธุระไปฟังไม่ได้เมื่อพบกันในเวลาต่อมาก็พยายามที่จะเล่าให้ฟังว่าอาจารย์ได้สอนอะไรบ้าง

จากการที่ได้รู้จักคบกันเป็นเพื่อนสนิทมาช้านาน จึงได้ทราบว่าอาจารย์สุภรียินดีและเต็มใจที่จะช่วยเหลือผู้ที่ตกทุกข์ได้ยากเสมอ ยินดีเมื่อผู้อื่นได้ดี มองคนในแง่ดีอยู่ตลอดเวลา และเป็นผู้สอนที่ยินดีจะให้ทั้งหมดกับผู้ฟัง

ในโอกาสที่อาจารย์สุภรี อายุครบ 60 ปีในปีนี้ ขออำนาจแห่งคุณความดีที่อาจารย์ได้ปฏิบัติต่อผู้อื่นเสมอมา ได้เป็นปัจจัยให้อาจารย์มีสุขภาพพลานามัยที่สมบูรณ์แข็งแรง ปราศจากอุปัทวันตรายทั้งหลายทั้งปวง เจริญรุ่งเรืองอยู่ในอริยทรัพย์และรสพระธรรมตลอดไป

ด้วยรักอย่างยิ่ง
จากเพื่อน
พญ.ส่องสี ศรีวรรณบูรณ์


“ด้วยความเคารพรักคุณพี่หมอสุภรี  สุวรรณจูฑะ”

จาก “ครูแป๊ต”

ศาสตราจารย์แพทย์หญิงสุภรี สุวรรณจูฑะ, เป็นศิษย์เก่าของโรงเรียนราชินีบน, ตั้งแต่ชั้นประถมปีที่ 4 จนถึงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ท่านเป็นศิษย์เก่าอย่างแท้จริง และเป็นเพื่อนรักร่วมชั้นเรียนกับคุณครูกรองแก้ว อุปลพันธุ์ เมื่อจบการศึกษาคุณหมอสุภรีเข้าเรียนแพทย์ คุณครูกรองแก้วเข้าเรียนพยาบาล คุณครูกรองแก้วกลับไปช่วยโรงเรียนโดยเป็นครูพยาบาลได้อุทิศเวลาดูแลบริการนักเรียนด้านเจ็บป่วยรวมทั้งอบรมสั่งสอนด้านกิริยามารยาท เพื่อให้เป็นกุลสตรี ความเป็นเพื่อนครูรุ่นพี่ที่สนิทสนมเข้าใจกันระหว่างดิฉันกับคุณครูกรองแก้วได้นำพาให้ดิฉันได้รู้จักกับคุณหมอสุภรีด้วย

ดิฉันเข้าเป็นครูอนุบาลเมื่อปี พ.ศ.2508 ได้ใกล้ชิดกับคุณครูกรองแก้ว ทำให้เรามีความรักผูกพันดุจครูกรองแก้ว (พี่แก้ว) เป็นพี่สาวแท้ๆ ของดิฉัน ขณะนั้นดิฉันเป็นครูอนุบาลตัวเล็กๆ ที่เฝ้าแต่มองดูความสง่าและบุคลิกที่งดงามของคุณหมอสุภรีท่าน ที่คุณครูกรองแก้วกล่าวถึงและเล่าเรื่องราวในตัวท่านให้ฟังเสมอ
คุณหมอได้นำลูกสาวคนโตชื่อ “หนูอ้อ” ฝากเข้าเรียนชั้นอนุบาล คุณครูรัตนา ชลประเสริฐ ท่านเป็นหัวหน้าอนุบาล ดิฉันเป็นครูสอนอนุบาลห้อง จ. อยู่ติดกับห้องคุณครูวีณา สุริยวิภาดา ห้อง ง. ซึ่งเป็นครูประจำชั้นของ “หนูอ้อ”

โรงเรียนมีเป้าหมายในการรับนักเรียนอนุบาลเข้าใหม่โดยคำนึงถึงด้านสุขภาพอนามัยของนักเรียน มีนโยบายตรวจสุขภาพนักเรียนก่อนเข้าเรียนทุกคน โรงเรียนจึงได้สรรหาผู้ปกครองของนักเรียนที่เป็นหมอจากโรงพยาบาลต่างๆ ไปทำการตรวจสุขภาพแก่นักเรียนทุกคนด้วยความจริงใจและปรารถนาดีรวมทั้งความเมตตากรุณาที่มีอยู่ในหัวใจอย่างแท้จริงของคุณหมอสุภรี ท่านจึงปาวารณาตนขอดำเนินการตรวจสุขภาพให้นักเรียน ณ โรงเรียนราชินีบน ซึ่งเป็นขณะที่ “หนูอ้อ” เรียนอยู่ชั้นอนุบาล จนกระทั่งระดับประถมปลาย “หนูอ้อ” ได้ไปศึกษาต่อ ณ โรงเรียนจิตรลดา คุณหมอก็ยังคงไปตรวจสุขภาพให้แก่นักเรียนเข้าใหม่ประมาณ 200 คน เป็นประจำทุกปีการศึกษา โดยนำคณะคุณหมออาสาสมัครของโรงพยาบาลรามาธิบดีไปตรวจสุขภาพอย่างพร้อมเพรียงกันไม่น้อยกว่า 10 ท่าน

ในปี พ.ศ.2534 ดิฉันได้รับตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายอนุบาล และปีพ.ศ.2541 ได้รับตำแหน่งผู้ช่วยครูใหญ่ฝ่ายอนุบาลศึกษา ความผูกพันของดิฉันและคุณพี่หมอเริ่มเด่นชัด คุณครูกรองแก้วท่านเป็นสายสัมพันธ์อันดี ทำให้ดิฉันโชคดีมีโอกาสรู้จักคุณหมอดียิ่งขึ้น ได้พบเห็นถึงน้ำใสใจจริงของคุณหมอมาโดยตลอด “หนูอ้อ” แต่งงาน แม้คุณหมอจะเป็น “คุณยาย” แล้วก็ตามคุณหมอก็ยังคงเป็นศิษย์เก่าที่น่านับถือ สร้างคุณประโยชน์ให้แก่โรงเรียน ยึดมั่นด้วยจิตศรัทธาโดยมิหวังผลตอบแทน มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี สร้างชื่อเสียงแก่วงศ์ตระกูลและสถานศึกษา เห็นสมควรเป็นแบบอย่างที่ดี แก่นักเรียนโรงเรียนราชินีบนและเยาวชนของชาติ หม่อมราชวงศ์ทิพยางค์ กาญจนดุล ผู้จัดการโรงเรียนราชินีบน ได้มอบโล่ “ศิษย์เก่าดีเด่น” เป็นเกียรติประวัติและสรรเสริญความดีงามของคุณหมอ ณ หอประชุมวไลยอลงกรณ์ (โรงเรียนราชินีบน) ในวันทูลกระหม่อมฟ้าหญิงวไลยอลงกรณ์ด้วย

ศาสตราจารย์แพทย์หญิงสุภรี สุวรรณจูฑะ เป็นพิกุลแก้วของอุทยานราชินีบนที่มีความงาม ความหอม ความดี และความเด่นปรากฏแล้ว เป็นที่ประทับใจของชาวราชินีและราชินีบน ตามบทกลอน “พิกุลแก้ว” ที่คุณครูกรองแก้ว และเพื่อนร่วมรุ่นมอบให้ด้วยความภาคภูมิใจ

“แด่ คุณหมอสุภรี”

คุณพี่หมอสุภรีปราณีนัก
แจ้งประจักษ์ “พิกุลแก้ว” แผ้วผ่องศรี
หอมอบอวลในอุทยานราชินี
อีกเป็นศรีงามสง่าคู่ราชินีบน
       เป็นคุณหมอที่เลิศประเสริฐแท้
มีเมตตาแน่วแน่มิหวังผล
ลูกศิษย์รักผูกพันในกมล
เพื่อนทุกคนพร้อมเป็นมิตรสนิทใจ
       สมแล้วเป็น “ศิษย์ดีเด่น” ของราชินี
เพิ่มทวี “หมอเด่นดี” ที่สดใส
เป็นหลักของเหล่าศิษย์น่าชื่นใจ
ประเทศไทยมีคนดีเป็นที่นิยม
       อายุกว่าหกสิบปีของพี่หมอ
“สุภรี” ผ่องละออสง่าสม
อีกพลังร่างกายใจรื่นรมณ์
สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองตนพ้นทุกข์เอย

 

วิจิตรา ตุลวรรธนะ
(ครูแป๊ต)


ใต้ร่มราชินีบน

แอ๊ดเพื่อนรัก

ณ สถานศึกษาแห่งนี้ เราและเพื่อนๆ ร่วมชั้นเรียนอีก 30 กว่าคนได้รู้จักและสนิทสนมกันมา ถึงวันเวลาจะผ่านพ้นไปเนิ่นนานเพียงใด แต่เราก็ยังจำอดีตนั้นได้ดีเสมอ ประหนึ่งว่าเพิ่งจะผ่านไปเมื่อไม่นานมานี้เอง สมัยเป็นเด็กเรามีแต่ความสุขสนุกสนาน เพราะยังไม่มีความรับผิดชอบใดๆ เธอเป็นนักเรียนที่เรียนเก่งสอบได้ที่ 1 มาโดยตลอด อีกทั้งยังเป็นหัวหน้าชั้นอีกด้วย ซึ่งตรงข้ามกับฉันทุกประการ คุณครูบางท่านยังแปลกใจว่าเราสนิทกันได้อย่างไร ระหว่างเธอซึ่งสอบได้ที่ 1 กับฉันที่โหล่ ทั้งนี้ก็เพราะความเอื้ออารีและความเป็นผู้มีน้ำใจงามของเธอนั่นเอง เธอให้ความรัก ความสนิทสนมแก่เพื่อนๆ ทุกคนเท่าเทียมกัน ด้วยเหตุนี้เพื่อนทุกคนจึงรักและระลึกถึงเธอเสมอ ด้วยความชื่นชมตลอดมา

ชีวิตของเธอประสบความสำเร็จทุกประการนับตั้งแต่ ความอบอุ่นในวัยเด็กจากคุณพ่อ-คุณแม่ ความชื่นชมจากท่านอาจารย์ ท่านหญิง และคุณครูทุกท่านที่ราชินีบนของเรา เมื่อเรียนสำเร็จแพทย์ เธอก็เป็น “อาจารย์หมอสุภรี” ที่ลูกศิษย์ให้ความเคารพรัก และโดยเฉพาะอย่างยิ่งเธอยังได้ประสบความสุขความราบรื่นในชีวิตสมรสจากคู่ครองและลูกหลานอีกด้วย เธอโชคดีและมีบุญมานะจ๊ะแอ๊ด

ตลอดเวลาที่ผ่านมา แม้ว่าเธอจะมีภาระกิจในหน้าที่การงานมากมายเพียงใด แต่เธอก็ไม่เคยลืมสถานศึกษาเก่าราชินีบนที่รักของเราเลย เธอได้สละเวลาไปช่วยเหลือโรงเรียนด้วยการตรวจโรคนักเรียนอนุบาลที่เข้าใหม่ด้วยความเต็มใจนับเป็นเวลาหลายปี จนถึงปัจจุบันเรามีโอกาสได้พบกันในวันตรวจโรคนี้ทุกปี และคุยกันถึงความหลังในวัยเด็ก ระลึกถึงท่านอาจารย์ ท่านหญิง คุณครูเก่าๆ และเพื่อนๆ อย่างมีความสุข

วันนี้เป็นวันที่เธอจะได้ปลดเปลื้องภาระอันหนักทั้งหลายที่ได้เสียสละอุทิศตนทำประโยชน์ให้แก่สังคมและประเทศชาติมาตลอดเวลาที่รับราชการเพื่อจะได้พักผ่อนอย่างแท้จริง ขอให้เธอจงอยู่เป็นขวัญใจของคุณหมอทัศน์และเป็นร่มโพธิ์ร่มไทรของลูกและหลานจนถึงเหลนเลยนะจ๊ะ

สุดท้ายนี้ฉันขออนุญาต เป็นตัวแทนของเพื่อนร่วมชั้นราชินีบนทุกคน ขอแสดงความยินดีกับความสำเร็จทุกประการในชีวิตของเธอ และขอให้เธอจงภูมิใจเสมอว่า

“ตัวเธอสิ ดอกหนึ่งณ อุทยานราชินี

ส่งกลิ่นและทรงศรีวิลาศล้ำสำอางค์สม

แม้ว่าถึงคราวชราจะงามซาอย่าปรารมภ์

พึงรักอุดมฉมสนิทกายตราบวายปราณ

เฉกเช่นพิกุลแก้วผิแห้งแล้วยังหอมนาน

ไป่ทิ้งสุคนธ์ธารบังเกิดการระเหยหาย

เชิดชื่อผกาพันธ์นิรันดร์อยู่มิรู้วาย

เชิดเกียรติกำจร จายระบายบ่งถึงสวนขวัญ”

(จากพระนิพนธ์ของท่านอาจารย์ หม่อมเจ้าหญิงพิจิตรจิราภา เทวกุล)

ด้วยรักและคิดถึงแอ๊ดเสมอ
จาก กรองแก้ว อุปลพันธุ์







สมาคมโรคระบบหายใจและเวชบำบัดวิกฤตในเด็กแห่งประเทศไทย

สำนักงาน: หน่วยโรคระบบหายใจเด็ก ชั้น 3 ห้อง 304 อาคารศูนย์แพทย์สิริกิต์
โรงพยาบาลรามาธิบดี พญาไท กรุงเทพมหานคร 10400
โทร. 0635894599

E-mail: thaipedlung.org@gmail.com